วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ผู้เสียหายโดยนิตินัย

ผู้เสียหายโดยนิตินัย
คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๖๙๑/๒๕๔๗ การที่จำเลยหลอกลวงโจทก์ร่วม โดยกล่าวเท็จว่าจะนำเงินไปซื้อเบี้ยเลี้ยงทหารรายละ ๒,๐๐๐ บาทและจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนรายละ ๕๕๐ บาท เป็นเพียงข้ออ้างของจำเลยเพื่อจูงใจให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อและยินยอมมอบเงินให้จำเลย โจทก์ร่วมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลย โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
ข้อสังเกต คดีนี้โจทก์ร่วมถูกหลอก โดยโจทก์ร่วมหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนรายละ ๕๕๐ บาท แม้จะเป็นค่าตอบแทนที่สูงแต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งผิดกฎหมายเพราะไม่ใช่การกู้ยืมเงิน โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย แต่ถ้าผลประโยชน์ตอบแทนที่หวังว่าจะได้รับเป็นการกระทำผิดกฎหมายโดยร่วมกันโกงผู้อื่น จะไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย เช่น คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๑๓/๒๕๔๖ ผู้เสียหายสมัครใจนำเงินมาเพื่อร่วมกับจำเลยทั้งสองและ ว. เล่นการพนันกำถั่ว เพื่อโกง ท. ตามที่บุคคลทั้งสามชักชวนผู้เสียหาย เพราะ ว. ได้แสดงการโกงพนันกำถั่วให้ผู้เสียหายดู ตลอดจนจำเลยที่ ๒ ก็สอนวิธีการโกงพนันกำถั่วให้ผู้เสียหายดูจนผู้เสียหายแน่ใจว่าสามารถเล่นพนันกำถั่วโกง ท.ได้ ทั้งผู้เสียหายก็อยู่ในห้องเกิดเหตุตลอดเวลาที่เล่นการพนันกัน การที่ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้จำเลยทั้งสองกับพวกเล่นการพนันกำถั่วเพื่อโกง ท.จึงเชื่อได้ว่า ผู้เสียหายสมัครใจเข้าร่วมเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย เป็นการร่วมกับจำเลยทั้งสองกระทำความผิดผู้เสียหายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ข้อสังเกต แต่ถ้าจำเลยทั้งสองและ ว. ชวนผู้เสียหายเล่นการพนันแล้วจำเลยทั้งสองและ ว. เล่นการพนันโกงผู้เสียหาย (ไม่ใช่ชวนผู้เสียหายไปโกงคนอื่น) ฎีกาที่ ๓๓๒๗/๒๕๓๒ ตัดสินว่าการพนันเป็นเหตุการณ์อันหนึ่งที่บุคคลทั้งสามสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเอาเงินผู้เสียหาย โดยวิธีการอันแนบเนียน ผู้เสียหายมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๐๐/๒๕๔๗  จำเลยได้แจ้งความร้องทุกข์โจทก์ร่วมในข้อหาทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมให้การรับสารภาพเนื่องจากโจทก์ร่วมทำร้ายร่างกายจำเลย โจทก์ร่วมให้การรับสารภาพเนื่องจากโจทก์ร่วมทำร้ายร่างกายจำเลยหลังจากจำเลยใช้อาวุธมีดแทงโจทก์ร่วมแล้ว ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้แยกฟ้องโจทก์ร่วมในข้อหาทำร้ายร่างกายศาลมีคำพิพากษาปรับโจทก์ร่วมแล้ว จึงฟังได้ว่าโจทก์ร่วมมีส่วนกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายจำเลยในเหตุการณ์ที่จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วมในคดีนี้โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามความหมายใน ป.วิ.อ. มาตรา ๒(๔) และไม่ทำให้ไม่มีอำนาจที่จะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ตามมาตรา ๓๐ โจทก์ร่วมไม่มีอำนาจยื่นฎีกา
คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๐๐๓/๒๕๔๗ การที่โจทก์กับจำเลยที่ ๒ เคยมีข้อพิพาททั้งทางแพ่งและอาญามาก่อนในวันเกิดเหตุโจทก์ยังเป็นฝ่ายด่าว่ายกมือไหว้สาปแช่งจำเลยที่ ๒ จนเกิดการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ย่อมฟังได้ว่าเป็นการที่สมัครใจเข้าวิวาทกัน โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒(๔) ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๘
คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๕๒๓/๒๕๔๕ บริษัทจำเลยที่ ๑ มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำซ้ำโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ และพร้อมที่จะคัดลอกหรือทำซ้ำติดตั้งลงในฮาร์ดดิสก์ของเครื่องคอมพิวเตอร์และส่งมอบให้ไว้ในวันที่ ฟ. ไปสุ่มซื้อได้ทันที แม้การกระทำของ ฟ. จะเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ แต่ก็ไม่เป็นการชักจูงใจหรือก่อให้ฝ่ายจำเลยกระทำความผิดคดีนี้ขึ้นมา เพราะจำเลยมีเจตนากระทำการอันละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์อยู่ก่อนแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มาตรา ๒๖ ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา ๒(๔) และมาตรา ๒๘ (๒)
ข้อสังเกต แต่ถ้าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดอยู่ก่อนแล้วโจทก์ไปจูงใจหรือก่อให้ฝ่ายจำเลยกระทำผิด โจทก์จึงไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย เช่น คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๐๘๕/๒๕๔๕ เมื่อเกิดกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินคดีแก่ผู้ทำละเมิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ ได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา เมื่อโจทก์เลือกฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา คดีโจทก์จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับ พ.ร.บ. จัดตั้งทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ มาตรา ๒๖ ที่ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒(๔) และมาตรา ๒๘ (๒) ด้วย เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์สืบยังฟังไม่ได้แน่ชัดว่าจำเลยมีเจตนากระทำความอยู่ก่อนแล้ว และคดีได้ความว่าโจทก์เป็นผู้ว่าจ้าง ฟ. ไปทำการล่อซื้อ จึงเท่ากับว่าโจทก์มีส่วนเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามคำฟ้องขึ้นเองโจทก์ย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะกล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจฟ้องคดีได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น